การรังแกกัน ในโรงเรียนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ที่ส่งผลลกระทบต่อจิตใจของเด็กทั้งในระยะสั้นและระยาว ในระยะสั้นนั้น มีผลกระทบต่อเด็ก เช่น กลัว กังวล ไม่สามารถตั้งใจเรียนในห้อง ซึ่งนำไปสู่ผลการเรียนที่แย่ลง ส่วนในระยะยาวนั้น จะมีผลทำให้เด็ก เห็นคุณค่าในตัวเองลดลง ขาดความมั่นใจ และ ซึมเศร้า เพื่อสร้างความตระหนักและพัฒนาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืนต่อปัญหาสังคมที่สำคัญนี้
บริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) TTA ได้ร่วมเป็นภาคีกับ มูลนิธิรักษ์ไทย จัดทำโครงการ “กล้าทำดี ยุติการรังแก” ในโรงเรียนระดับประถมขึ้น
โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อลดพฤติกรรมการรังแกระหว่างเด็กนักเรียนและรณรงค์ให้ครูและสังคมรับรู้เกี่ยวกับการรังแกและความรุนแรง
โดยปกติแล้วนิยามของการรังแกนั้นหมายถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กที่เกิดขึ้นโดยเจตนา หรือกระทำโดย กลุ่ม หรือ บุคคล เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ต่อเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ การรังแกส่วนมากเกิดขึ้นในรูปแบบของ การโจมตีทางวาจาและการดูถูกเกี่ยวกับเชื้อชาติหรือเหยียดผิว งานวิจัยหลายงานรายงานว่า เด็กๆนั้นเริ่มรังแกตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยเหตุดังกล่าว โครงการ ”กล้าทำดี ยุติการรังแก” จึงได้เจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษา
เราได้ปรับใช้หลักสูตรของ YouthMax ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ประสบความสำเร็จของ John Maxwell ซึ่งเป็นผู้เชียวชาญในการอบรมผู้นำท้องถิ่น โดยมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับคุณครูและนักเรียน ในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ด้วยเป้าหมายในการส่งเสริมการเอาใจใส่และเพิ่มขีดความสามารถของนักเรียนให้เป็น "HERO" ด้วยการยกระดับความนับถือตนเองและความเคารพต่อคนรอบข้างและคนอื่น ๆ ในสังคม
แนวคิดเรื่อง "ป้องกันก่อนการแก้ไข" เป็นตัวกำหนดให้โครงการนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากโครงการอื่นๆ เนื่องจากโครงการนี้ช่วยให้นักเรียนในวัยเด็ก สามารถยุติพฤติกรรมการรังแกของตนเอง ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้รังแกในวัยผู้ใหญ่
โครงการ "กล้าทำดี ยุติการรังแก" มีเป้าหมายเพื่อลดการรังแก รวมถึงต้องการให้เด็กมีความเข้าใจถึงผลกระทบของการรังแกที่มีต่อจิตใจของเด็กที่ถูกรังแก โดยโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการบางแห่งเริ่มออกนโยบายห้ามไม่ให้นักเรียนรังแกผู้อื่น หรือมีมาตรการติดตามพฤติกรรมการรังแกเพื่อน แล้วรายงานต่อคุณครู ผลจากการจัดเวิร์คช็อปให้เด็กที่เข้าร่วมโครงการทให้เด็กหลายคนหยุดการรังแกผู้อื่น ส่วนเด็กที่เคยถูกรังแกก็รู้จักวิธีหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง และกล้าที่จะปกป้องตัวเอง รวมถึงเด็กที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการรังแก โดยมีประกาศนโยบายของโรงเรียนที่ห้ามไม่ให้นักเรียนรังแกผู้อื่น และติดตามเหตุการณ์และรายงานต่อครู ทั้งนี้เด็กหลายคนที่รังแกผู้อื่นยอมรับพฤติกรรมที่ไม่ดีของตนเอง และได้หยุดการรังแกผู้อื่นแล้ว ส่วนเด็กที่เคยเป็นเหยื่อได้เรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง และรู้วิธีที่กล้าแสดงออกมากขึ้น เพื่อใช้ปกป้องตัวเอง
ในระดับสังคม เรามีการประชาสัมพันธ์และสร้าง เพจ Facebook StopBullyingTH ขึ้นมา เพื่อสร้างความตระหนักเพิ่มขึ้นในหมู่ ครู ผู้ปกครองและนักเรียน รวมทั้งสื่อและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ในระดับประเทศ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการแล้ว
เราได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อรวบรวมข้อมูล ในคู่มือการยุติการรังแกในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ปัญหาการรังแกนี้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างยังยืนและสม่ำเสนอ ขณะนี้บริษัทฯ ได้วางแผนในการขยายโครงการสุ่ระดับประเทศ รวมถึงปัญหาการรังแกบนโลกออนไลน์หรือ cyber-bullying อีกด้วย
ในฐานะที่เป็น บริษัท ด้านการลงทุนชั้นนำของเอเชีย TTA เข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ สำหรับองค์กรและเพื่อประโยชน์ของประเทศ โครงการ "กล้าทำดี ยุติการรังแก" จะไม่เพียงช่วยลดปัญหาทางสังคม แต่ยังช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กกลายเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพที่ดีต่อไปในอนาคต